Radio Australia interview: Thai translation



On June 28 I was interviewed by Liam Cochrane on Radio Australia about #thaistory. You can listen to the interview here. It has now been very kindly translated into Thai by Chi Mi Ka – thank you so much, and respect, krub. The translation is below.

บทสัมภาษณ์แอนดรูว์ แม็คเกรเกอร์ มาแชล ในรายการวิทยุคอนเน็คเอเชีย ช่องเอบีซี เมื่อวันอังคารที่ 28 มิถุนายน 2554

ในรายการวิทยุช่องเอบีซี คุณกำลังฟัง คอนเน็คเอเชีย ผมคือเลียม ค้อกรอน แขกของผมวันนี้คือ คุณแอนดรูว์ มาร์แชล นักข่าวที่ประจำอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ เจ้าของผลงานเขียนอันเป็นที่ถกเถียงกันมากกล่าวถึงเรื่องต้องห้ามในประเทศไทย เกี่ยวกับบทบาทของสถาบันกษัตริย์ในการเมืองไทย แอนดรูว์ มาร์แชลเป็นนักข่าวอยู่ที่สำนักข่าวรอยเตอร์เป็นเวลากว่า 17 ปีทำข่าวประจำอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย, ประเทศไทย, ตะวันออกกลาง และสิงคโปร์ ทำข่าวเกี่ยวกับ สงคราม บริหารสำนักงาน และรายงานความเสี่ยงทางการเมือง เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาเค้าได้ลาออกจากรอยเตอร์เพื่อที่จะเผยแพร่งานเขียนของเค้าชื่อเรื่องว่า “เรื่องของไทย: ประวัติศาสตร์ที่เป็นความลับในศตวรรษที่ 21 ของประเทศสยามi” เป็นเรื่องสั้นที่ใช้ข้อมูลจากวิกิลีกส์เคเบิ้ลเป็นหลัก อีกทั้งยังมีบทวิเคราะห์ทางวิชาการ สองบทแรกของงานเขียนนั้นสามารถเข้าถึงได้ออนไลน์ และอีกสองบทหลังนั้นจะมีออกมาให้ติดตามเร็ว ๆ นี้

เลียม: คุยกับเราจากสิงคโปร์ แอนดรูว์ มาร์แชล สวัสดี และยินดีต้อนรับเข้าสู่รายการครับ

แอนดรูว์: สวัสดีครับเลียม ขอบคุณมากที่เชิญผมมา

เลียม: เป็นเกียรติมากครับ คุณทำงานในเมืองไทยมานานในฐานะนักข่าวของสำนักข่าวรอยเตอร์ นั่นคือช่วงเวลาที่คุณได้เข้าถึงเอกสารจากวิกิลีกส์เคเบิ้ลที่คุณตัดสินใจนำออกมาเผยแพร่ไม่สนใจผลร้ายที่อาจจะตามมาภายหลังใช่หรือไม่ครับ?

แอนดรูว์: ใช่ ผมขอพูดอะไรก่อนที่เราจะเริ่มซักหน่อยครับเลียม เนื่องจากมีนักข่าวอีกคนหนึ่งชื่อ แอนดรูว์ มาร์แชลเหมือนกันกับผม เค้าเป็นนักข่าวอิสระ และมีผลงานหลายอย่างเกี่ยวกับประเทศไทย ตอนนี้เค้าประจำอยู่ที่กรุงเทพฯ ผมก็เลยอยากจะบอกให้ชัดเจนว่าผมคือ แอนดรูว์ มาร์แชลที่ประจำอยู่ที่สิงคโปร์ ผมไม่อยากให้แอนดรูว์ มาร์แชล คนที่อยู่ในกรุงเทพฯ นั้นเจอปัญหาจากงานเขียนของผมเพราะว่ามันเคยมีการเข้าใจผิดกันมาก่อนแล้ว

เลียม: นั่นดูออกจะเสี่ยงไปซักหน่อยนะครับสำหรับเพื่อนร่วมงานของคุณ

แอนดรูว์: ใช่แล้ว เรารู้จักกัน และเคยล้อเลียนกันเรื่องชื่อที่เหมือนกันอยู่บ่อย ๆ แต่ตอนนี้มันคงจะไม่ใช่เรื่องตลกอีกต่อไปแล้วหากเค้าจะต้องเจอกับปัญหาจากงานเขียนของผม และตอนนี้เค้าก็ยังอยู่ในกรุงเทพฯ ตอนนี้ผมก็เลยเรียกตัวเองว่า แอนดรูว์ แม็คเกรเกอร์ มาร์แชล เพื่อให้เห็นความแตกต่าง เรื่องวิกิลีกส์นั้นผมได้เข้าถึงมันเมื่อ 3 เดือนก่อน รอยเตอร์ได้รับข้อมูลจากวิกิลีกส์อย่างไม่เป็นทางการ ผมคิดว่ามันมีปัญหาค่อนข้างมากไหนจะเรื่องคนที่ทำงานอยู่ที่นั่น และที่ตลกก็คืออยู่ดี ๆ บางทีข้อมูลก็ดันไปโผล่ที่สำนักข่าวอื่น ตอนที่ผมเริ่มอ่านผมก็เข้าใจทันทีเลยว่านี่จะเป็นข้อมูลที่สำคัญที่ปฏิวัติความเข้าใจในประเทศไทยเพราะเพราะว่าเคเบิ้ลทางการทูตนั้นไม่มีการเซ็นเซอร์เลยแม้แต่นิดเดียวมันเป็นเรื่องราวที่เป็นไปในราชวงศ์ไทย เรื่องที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ผมยังเข้าใจทันทีอีกว่ารอยเตอร์จะไม่มีวันเผยแพร่อย่างแน่นอน เรามี

พนักงานเป็นพันทำงานอยู่ในประเทศไทย และมันก็อันตรายมากที่จะเขียนถึงเรื่องนี้ ผมจึงตัดสินใจที่จะเผยแพร่ ผมว่ามันคุ้มที่จะทำอะไรที่ดี และบอกเล่าความจริงเกี่ยวกับประเทศไทย

เลียม: คุณช่วยบอกรายละเอียดในเคเบิ้ลที่คุณกล่าวไว้ในผลงานเขียนของคุณซักหน่อยครับ ช่วยอธิบายว่าเคเบิ้ลนี้มีไว้เพื่ออะไร และมันมาจากไหน?

แอนดรูว์: ได้เลย ฐานข้อมูลเคเบิ้ลเท่าที่ผมทราบ และก็ยังไม่เป็นที่ยืนยันนั้นคือว่ามันถูกดาวน์โหลดโดยทหารอเมริกันชื่อ แบรดลีย์ แมนนิ่ง ในอิรัก

เลียม: และข้อมูลที่คุณมีนั้นมาจากสถานทูตอเมริกาในกรุงเทพฯ ใช่มั้ยครับ?

แอนดรูว์: ใช่แล้ว ฐานข้อมูลมีเคเบิ้ลเยอะมากจากสถานทูตอเมริกา และสถานกงศุลรอบโลก ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยนั้นมีกว่า 3,000 เคเบิ้ลที่ส่วนใหญ่มาจากสถานทูตของอเมริกาที่ประจำอยู่ในประเทศไทย แล้วมันก็เป็นข้อมูลลับที่ทูตทั้งหลายบอกให้กับทางวอชิงตันรับรู้ สาเหตุที่ข้อมูลนี้สำคัญมากก็คือในฐานะนักข่าวของรอยเตอร์ รวมถึงเอบีซี และสำนักอื่น ๆ นั้นจะต้องเซ็นเซอร์เนื้อหาส่วนสำคัญเวลาที่เราเขียนเกี่ยวกับประเทศไทย เคเบิ้ลพวกนี้ไม่เป็นอย่างนั้นเลยมันต้องเป็นความลับและสำหรับรายงานต่อกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯเท่านั้น จริงอยู่ที่บางข้อมูลนั้นไม่เป็นความจริงแต่ด้วยความที่มันเป็นข้อมูลลับนั้นทำให้มันมีค่า และสำคัญมาก

เลียม: ที่คุณพูดถึงบทบาทของสถาบันกษัตริย์ในการเมืองไทยสมัยใหม่ดังที่แสดงอยู่ในเคเบิ้ล และงานเขียนเป็นบริบทของประวัติศาสตร์ บริบทที่พระราชวังนั้นได้มีอำนาจขึ้นมากนับตั้งแต่พิธีบรมราชาภิเษกของกษัตริย์องค์ปัจจุบันในปี พ.ศ. 2489 กษัตริย์องค์นี้ถูกมองว่าเป็นผู้ไกล่เกลี่ยเมื่อวิกฤตทางการเมืองนั้นอยู่ในภาวะล่อแหลม คุณบอกไว้ว่าในหลวงถูกมองว่าเป็นอย่างนั้นสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์สองเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ไทย คุณช่วยบอกเราหน่อยเกี่ยวกับเหตุการณ์ใน พ.ศ. 2516 ที่ผู้ประท้วงนั้นปีนกำแพงข้ามเข้าไปในพระราชวัง หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น?

แอนดรูว์: ในยุคนั้นเป็นยุคของการปราบปรามคอมมิวนิสต์ที่สนับสนุนโดยสหรัฐอเมริกาในทวีปเอเชียอาคเนย์ ในเมืองไทยมันเริ่มมาจากที่มีเผด็จการ 3 คนได้ทำการยึดอำนาจ และเป็นครั้งแรกที่ขบวนการเคลื่อนไหวที่ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษานั้นได้ลุกฮือขึ้น และเดินขบวนต่อต้านเผด็จการ 3 คนนั้น มีอยู่ 2 วันที่มีเหตุการณ์ตรึงเครียด และมีการต่อสู้เกิดขึ้นส่งผลให้มีคนเสียชีวิตหลายคน นี่เป็นเรื่องที่เห็นชัดมาก ๆ ในประวัติศาสตร์ไทยที่มีการเหตุการณ์หลั่งเลือดหลายครั้งแต่ก็ยังไม่มีการสืบสวน และตรวจสอบอย่างจริงจังเพื่อหาจำนวนคนที่เสียชีวิตที่แน่นอน นักศึกษาได้พยายามต่อสู้กับทหารบนท้องถนนในปี พ.ศ. 2516 บริเวณพระราชวังจิตรลดาที่ในหลวงภูมิพล และครอบครัวอาศัยอยู่ หนึ่งในเผด็จการนั้นอยู่บนเฮลิคอปเตอร์และได้ยิงปืนเข้าใส่ฝูงชน คุณคงพอจะนึกภาพออกได้ว่าเหตุการณ์วันนั้นมันน่ากลัวขนาดไหน นักศึกษาหลายคนหวาดกลัว และได้ปีนข้ามกำแพงเข้าไปในพระราชวังซึ่งสำหรับคนไทยแล้วนั้นพวกเขาจะไม่กล้ากระทำการนั้นโดยเด็ดขาดหากแต่ว่าชีวิตของพวกเขานั้นกำลังตกอยู่ในอันตราย เมื่อพวกเขาได้พบกับในหลวง และครอบครัวผู้ที่ให้การต้อนรับ และยังร่วมมือกับทหารอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อขับไล่เผด็จการทั้ง 3 คนออกไปจากประเทศ มันเป็นวันที่ดูออกจะขัดแย้งกันมากเลย

ทีเดียวเนื่องจากมันคือวันที่มีการเดินขบวนเรียกร้องเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และขบวนการเคลื่อนไหวต่อต้านเผด็จการในขณะเดียวกันก็เป็นวันที่พระราชวังมีบทบาทในฐานะที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ยเมื่อมีเหตุการณ์ขัดแย้ง และอยู่ข้างประชาชนมาจนถึงทุกวันนี้ วันที่เฉลิมฉลองให้กับการที่พระราชวังการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือประชาชน

เลียม: ถ้าหากว่าจะดูภาพเหตุการณ์ที่พระราชวังช่วยเหลือประชาชนลึกลงไปกว่านั้น มันมีภาพเหตุการณ์แบบเดียวกันในปี พ.ศ. 2535 ถ้าหากว่าผมดูโทรทัศน์เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2535 คุณช่วยอธิบายหน่อยได้มั้ยว่าผมจะเห็นอะไร?

แอนดรูว์: มีการแต่งตั้งผู้นำ หรือนายกรัฐมนตรีโดยคณะปฏิวัติหนึ่งปีก่อนหน้านั้น และมีชายชื่อจำลอง ศรีเมืองผู้ที่เคยรับราชการทหารมาก่อนและเป็นสมาชิกนิกายพุทธกลุ่มหนึ่ง พวกเขานั้นได้รับเชิญให้เข้าเฝ้าในหลวงในพระราชวัง ในหลวงนั้นบอกให้พวกเขากลับบ้าน, หยุดต่อสู้กัน และหยุดเหตุการณ์หลั่งเลือดในประเทศไทย และยังให้นายกรัฐมนตรีลาออก วันนี้จึงถือเป็นวันที่มีประชาธิปไตยที่แท้จริงเกิดขึ้นในประเทศไทยและเป็นวันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการต่อต้านอำนาจเผด็จการ ถึงแม้ว่าในทุกวันนี้กองทัพก็กลับมามีอำนาจขึ้นมาอีกครั้ง ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นมีพลังมากผมคิดว่ามันสำคัญมากที่จะกล่าวว่าเหตุการณ์ในปีพ.ศ. 2516 และ 2535 นั้น นักประวัติศาสตร์ไทยหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นมีความเห็นที่แตกต่างกันอยู่บ้าง แต่นั่นก็ปฏิเสธความจริงที่ว่าการแทรกแซงของในหลวงทั้งสองเหตุการณ์นั้นได้หยุดการหลั่งเลือดจริง

เลียม: ดีมากเลยที่คุณใช้คำว่า “แตกต่างกันอยู่บ้างii” ผมขอถามคุณหน่อยว่าในหลวงนั้นใช้อำนาจทางการเมืองที่คุณกล่าวถึงนั้นอย่างไร?

แอนดรูว์: ในหลวงนั้นจะแสดงออกผ่านท่าทาง และการพูดเป็นนัยผ่านเครือข่ายของผู้จงรักภักดีนั่นถือเป็นข้อสำคัญเลยทีเดียว คนไทยโดยทั่วไปแล้วนั้นรักในหลวง และจะไม่พูด คนไทยหลายคนจะทำตามที่ในหลวงนั้นต้องการให้พวกเค้าทำ ในหลวงนั้นถือว่ามีอำนาจมากทีเดียว คำที่นักวิชาการใช้คือ “เครือข่ายของสถาบันกษัตริย์” (Network of Monarchy) ในหลวงมีเครือข่ายนี้อยู่ทั่วประเทศผู้ซึ่งทำงานให้กับเค้าโดยที่แทบจะไม่ต้องบอกกันตรง ๆ ด้วยซ้ำว่าในหลวงต้องการให้พวกเค้าทำอะไร และพวกเค้าจะคิดว่าจะทำตัวไม่ว่าอย่างไรก็ตามแต่ตามที่ในหลวงต้องการ นี่เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพมาก แต่ข้อมูลจากเคเบิ้ลนั้นแสดงให้เห็นว่าตอนนี้ในหลวงป่วยหนัก ถึงแม้ว่าจะไม่มีการยืนยันอาจจะป่วยจากโรคซึมเศร้า เขาเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลตั้งแต่ปลายปีพ.ศ. 2552 ดังนั้นคงพอจะเดาได้ว่าเขาไม่ได้กระทำการแทรกแซงใด ๆ ในขณะนี้ และนั่นก็ถือว่าล่อแหลมทีเดียวที่เรายังเดาได้ว่ามีบุคคลอื่นในพระราชวังนั้นกำลังทำการแทรกแซงอยู่ แต่ตัวในหลวงเองนั้นดูเหมือนว่าจะพยายามถอนตัวออกไป

เลียม: พูดถึงร่างกาย และสุขภาพของในหลวงตอนนี้ที่ไม่ค่อยจะสู้ดี คนไทยนั้นพูดถึงเรื่องนี้อย่างไรบ้าง?

แอนดรูว์: พวกเขาพูดถึงกันในที่ลับ และด้วยความหวาดกลัวและกังวล คนไทยหลายคนที่มีอายุไม่ถึง 60 ปีนั้นจะนึกไม่ถึงเลยว่าชีวิตพวกเขาจะเป็นยังไงถ้าไม่อยู่ภายใต้กษัตริย์องค์นี้ ส่วนใหญ่พวกเค้าเทิดทูนในหลวง และมันแทบจะไม่มีทางเลยที่การสืบทอดบัลลังก์นั้นจะเป็นไปได้ด้วยดี มีภาพเหตุการณ์ที่เป็นไปได้มาก อันแรกคือฟ้าชายเข้ามาแทนที่ในหลวง และอีกอันหนึ่งก็คือราชินีขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่เธอก็เป็นที่ไม่นิยมชมชอบ ดังนั้นมันจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้ง

ใหญ่ในประเทศไทยเมื่อในหลวงสวรรณคต มันจะมีความหม่นหมองทั้งประเทศ และเศร้าเสียใจ ประกอบกับความกังวลเพราะทุกคนนั้นจะหวาดกลัวว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น?

เลียม: หากฟ้าชายนั้นสืบต่อบัลลังก์ต่อจากในหลวงซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งอย่างที่คุณว่าแล้ว วิกิลีกส์เคเบิ้ลนั้นได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างฟ้าชายกับอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรไว้ด้วย คุณช่วยขยายความ และอธิบายความสัมพันธ์นั้นหน่อยครับ

แอนดรูว์: ได้ครับ มันค่อนข้างยากที่จะทราบอย่างชัดเจนเลยว่าความมีความเชื่อมโยงกันยังไง เราทราบว่าทักษิณผู้ที่เป็นมหาเศรษฐีนั้นได้ให้ความสนับสนุนทางการเงินกับฟ้าชายมาตั้งแต่ประมาณปลาย พ.ศ. 2533 ฟ้าชายนั้นใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อมาก และในหลวงได้ตัดเงินทุนมาได้ระยะหนึ่งแล้ว และทักษิณก็เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินแทน ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าทั้งสองนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดี เราคิดว่าทั้งสองนั้นเกิดแตกหักกันเมื่อมีการปฏิวัติในปี พ.ศ. 2549 แต่มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2550 นั้นบอกว่าทั้งสองนั้นได้กลับมาเชื่อมโยงกันอีกครั้งโดยที่ฟ้าชายนั้นได้แทรกแซงการเมืองในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขาได้พยายามที่จะหนุนหลังคนผู้ที่จะได้รับเลือกให้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และได้ขอเป็นคนเลือกผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่งเอง ตัวเลือกคนที่ฟ้าชายหนุนหลังนั้นเชื่อกันว่าเป็นคนที่สนับสนุนการโอนเงินจากทักษิณให้กับฟ้าชาย นี่แสดงให้เห็นว่าทั้งสองมีความเชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน ที่เป็นปัญหาอีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องเหล่านี้นั้นไม่ถูกรายงานในสื่อใด ๆ เลย คนไทยก็เลยตกภาวะที่พระราชวังนั้นเข้ามาแทรกแซงกระบวนการสรรหาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแต่ไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริงนี้เลย ความเชื่อมโยงกันของสองคนนี้เป็นที่น่าหวาดกลัวของหลายคนในประเทศรวมไปถึงตัวสถาบันเอง นั่นก็เพราะว่าทักษิณนั้นเป็นที่ไม่นิยมเอามาก ๆ ในหมู่ผู้จงรักภักดี และที่น่าขำก็คือพวกเขาคิดว่าทักษิณนั้นจะล้มล้างสถาบันกษัตริย์ลง

เลียม: อีกสถานการณ์หนึ่งคือ ตามที่คุณได้บอกไปแล้วว่าราชินีจะขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการของลูกชายของฟ้าชาย ราชินีคนนี้นั้นดูจะเป็นตัวละครที่น่าสนใจมาก ๆ ตามที่คุณได้กล่าวไว้ในงานเขียนของคุณ คุณช่วยบอกเกี่ยวกับความฝันของเธอเมื่อยังเป็นเด็ก และมันมีผลต่อชีวิตของเธออย่างไร?

แอนดรูว์: ราชินีสิริกิตติ์เคยฝันว่าได้ต่อสู้กับกองทัพทหารพม่าย้อนหลังไปร้อยปีก่อน เธอเชื่อว่าเธอคือสุริโยไทยกลับชาติมาเกิด ผู้ซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมากในประวัติศาสตร์ของไทย และเป็นราชินีนักรบที่ต่อสู้ และในที่สุดก็ตายเพื่อกษัตริย์ของเธอ ในภาพยนตร์ชื่อ “สุริโยไทย” ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อหลายปีก่อนนั้นได้รับการสนับสนุนทุนการสร้างจากเธอ ราชินีองค์นี้นั้นเป็นบุคคลที่มีความซับซ้อนมาก จากเคเบิ้ลตอนนี้เธอเป็นคนที่ดุดันกว่าในหลวงโดยเฉพาะในเรื่องของการสู้กับอิทธิพลของทักษิณ และเสื้อแดง และได้ทำการแทรกแซงทางการเมืองมากกว่าในหลวงเสียอีก

เลียม: ดีมากเลยที่คุณกล่าวถึงจุดนี้ ในหลวงนั้นจะระมัดระวังในการแสดงออกเป็นอย่างมาก อย่างที่คุณบอกไปแล้วว่าเขาระมัดระวังในการใช้อำนาจทางการเมืองมาก ในปี 2551 ราชินีได้ไปร่วมงานศพของคนสามัญ คุณช่วยบอกเราเกี่ยวกับพิธีศพที่เธอไปร่วม และช่วยอธิบายหน่อยว่ามันมีความสำคัญอย่างไร?

แอนดรูว์: ใช่เป็นเหตุการณ์ที่มีการถกเถียงกันมาก เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2551 นั้นเกิดเหตุการณ์การรุนแรงขึ้นนอกรัฐสภา ผู้ชุมนุมเสื้อเหลืองที่เป็นฝ่ายขวา และจงรักภักดีต่อสถาบันฯ ต้องการที่จะบ่อนทำลายรัฐบาลที่สนับสนุนทักษิณ พวกเขาได้เข้ายึดรัฐสภา ตำรวจได้พยายามที่จะควบคุมสถานการณ์และทำให้พวกเขาออกไปโดยยิงแก๊สน้ำตาที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเหตุให้มีคนตาย และบาดเจ็บจำนวนมาก เราเชื่อว่าในวันนั้นมีผู้ชุมนุมเสื้อเหลืองหลายคนครอบครองอาวุธระเบิด และตอนนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าใครกันแน่ที่เป็นต้นเหตุให้มีการระเบิด มีผู้เสียชีวิตสองคนหนึ่งในนั้นเป็นผู้หญิงอายุน้อยชื่อ น้องโบว์ เธอเสียชีวิตจากระเบิดที่ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่มากว่าเหตุระเบิดนั้นเกิดจากตำรวจ หรือผู้ชุมนุมเสื้อเหลืองด้วยกันเองกันแน่ เธอนั้นได้กลายเป็นฮีโร่ของขบวนการเสื้อเหลือง และราชินีก็ได้เข้าร่วมพิธีศพในหลายวันต่อมา นี่ถือว่าสร้างความเสียหายต่อประเทศไทยเป็นอย่างมากเพราะว่าเธอถูกมองว่าสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในความขัดแย้ง อย่างไรก็ตามที่คุณได้กล่าวไว้นั้นถูกต้องเลยว่าอำนาจ และอิทธิพลของราชวงศ์นั้นถูกมองว่าอยู่เหนือการเมือง และความขัดแย้ง ดังนั้นมันก็เลยมีผลกระทบมาจนถึงทุกวันนี้

เลียม: และนั่นก็อย่างที่เราเห็นกันในแบบสีสันของไทย คุณช่วยอธิบายหน่อยได้มั้ยว่าทำไมสมาชิกเสื้อเหลืองนั้นเริ่มที่จะใส่สายรัดข้อมือสีฟ้าอ่อน?

แอนดรูว์: สีฟ้าอ่อนเป็นสีตัวแทนของราชินี และมีหลายคนที่เข้าข้างราชินีแทนที่จะเป็นในหลวงแล้ว มีหลักฐานจากในเคเบิ้ลที่ผมเขียนไว้ว่าในหลวง กับราชินีนั้นไม่ลงรอยกันเป็นเวลานานกว่า 20 ปีแล้วถึงแม้ว่าเค้าจะออกงานด้วยกันก็ตาม ดูเหมือนว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวงการสถาบันกษัตริย์นั้นต้องทำการใด ๆ เองในขณะที่ในหลวงไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องเพราะว่าเขาต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล และไม่สามารถกระทำการแทรกแซงใด ๆ ได้ ทุกอย่างนั้นเป็นการกระทำของราชินี เธอยังเชื่อมโยงกับผู้นำทางทหารอีกด้วย ทำให้เห็นว่าเธออยู่ในฐานะที่แข็งแกร่งมาก นี่ทำให้คาดเดาได้ว่าเธอต้องการขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เพื่อที่จะหยุดการสืบทอดราชบัลลังก์ของฟ้าชาย และมันก็ล่อแหลมมากที่อาจจะนำไปสู่ความขัดแย้ง และการฆ่าฟัน หรือแม้แต่ความขัดแย้งในกองทัพเอง นี่เป็นช่วงเวลาที่น่าเป็นห่วงมากทีเดียว

เลียม: คุณได้บอกตัวเลือกที่เป็นไปได้ที่มากสุดสองตัวเลือกเกี่ยวกับแผนการสืบทอดราชบัลลังก์ของไทย แล้วลูกสาวของในหลวงล่ะครับ เธอเป็นที่นิยมอย่างสูงในประเทศไทยจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่เธออาจะกลายเป็นตัวแทนของสถาบันฯได้

แอนดรูว์: ผมคิดว่าอาจเป็นไปได้ คนไทยหลายต่อหลายคนนั้นพูดกันอย่างหนาหูว่าพวกเขาอยากให้เธอเป็นราชินี เธอนั้นเป็นที่นิยมมากรองลำดับลงมาจากในหลวง เป็นที่รักมากและก็เหมือนกับในหลวงที่ไม่แสดงออกว่าต้องการอำนาจเลย เธอดูเหมือนจะเป็นคนง่าย ๆ แล้วใกล้ชิดกับผู้คนมาก แต่นี่มันจะเป็นการขัดกับกฎมณเฑียรบาลที่จะแต่งตั้งให้ผู้หญิงขึ้นเป็นกษัตริย์ ในกรณีของราชินีสิริกิตต์นั้นค่อนข้างแตกต่างออกไปเพราะเธอสามารถขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนเจ้าชายในขณะที่ยังเป็นเด็กอยู่ แต่ถ้าหากว่าสมเด็จพระเทพฯ นั้นจะขึ้นเป็นกษัตริย์จริงมันจะเป็นอะไรที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คนไทยหลายคนนั้นหวังกันว่าอยากให้ในหลวงนั้นพูดให้ชัดเจนเลยว่าจะให้เธอสืบทอดพระราชบัลลังก์ต่อจากเขา แต่ตอนนี้ยังไม่

มีหลักฐานชิ้นไหนที่ชี้ว่าเขาจะทำอย่างนั้น ในเคเบิ้ลดูเหมือนจะบอกว่าถึงแม้ว่าในหลวงนั้นจะไม่สนิทใจกับฟ้าชาย และไม่ยอมรับในตัวเขาหลายอย่าง แต่ในหลวงไม่ต้องการเปลี่ยนใจ และเขาจะให้ฟ้าชายสืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากเขา

เลียม: เหตุผลที่เราพยายามกล่าวถึงเรื่องนี้ด้วยความระมัดระวังนั่นก็เป็นเพราะว่ากฎหมายในประเทศไทยที่กำหนดไว้สำหรับเรื่องราวเหล่านี้ที่เกี่ยวกับการหมิ่นประมาทครอบครัวเชื้อพระวงศ์ หรือในหลวงเอง คุณนั้นได้อ้างถึงข้อมูลในเคเบิ้ลจากอเมริกาที่ส่งถึงสถานทูตอเมริกาว่า ในหลวงนั้นแท้จริงแล้วไม่เห็นด้วยต่อการใช้กฎหมายฉบับนี้ มีหลักฐานอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มั้ยครับ หรือว่าเป็นแค่การคาดการณ์ของทูตเท่านั้น?

แอนดรูว์: อาจจะเป็นการคาดการณ์ แต่ก็มีหลักฐานอยู่เหมือนกัน มีเคเบิ้ลหนึ่งที่ผมสามารถเข้าถึงได้นั้นก่อนที่จะหยุดไปนั้นเราทราบว่าเมื่อต้นปี 2553 ในหลวงพบกับนายกอภิสิทธิ์เป็นการส่วนตัว และที่มาของข้อมูลนั้นก็มาจากทูตของอเมริกา ริชชี่ บริสกี้iii ผู้ซึ่งมีความใกล้ชิดกับในหลวงมาก และบอกว่าทั้งสองคนนั้นได้พูดคุยกันถึงเรื่องกฎหมายหมิ่นฯ และในหลวงก็ได้รับสั่งต่อคุณอภิสิทธิ์ว่าให้ทำการปฏิรูปกฎหมายนี้ด้วยความตั้งใจจริง และด้วยความระมัดระวัง สถานทูตอเมริกานั้นได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนเลยว่ากฎหมายนี้จะไม่เป็นประโยชน์ต่อราชวงศ์ และแน่นอนไม่เป็นประโยชน์ต่อคนไทยทุกคน แท้ที่จริงแล้วมันจะเป็นต้นเหตุที่ก่อนให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงเพราะว่าผู้คนนั้นพูดคุย หรือดีเบตกันในเรื่องนี้ไม่ได้ และทำให้เหลือทางเดียวที่ปัญหานี้จะถูกแก้ไขก็คือการใช้ความรุนแรง ผมเองก็เห็นด้วยกับจุดนี้ เหตุผลที่ผมลาออกจากรอยเตอร์เพื่อที่จะเขียนเรื่องนี้ก็เพราะว่ามันควรจะมีการนำเรื่องนี้มาคุยกัน

เลียม: และตัวในหลวงเองก็ดูเหมือนว่าจะเชื่ออย่างนั้น เมื่อวันที่เค้าได้ออกมาปราศัยในวันเกิดของเขาเมื่อปี 2548 เค้าก็ได้ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด คุณช่วยบอกเราหน่อยได้มั้ยครับว่าเค้าพูดว่าอะไร?

แอนดรูว์: ใช่แล้วมันอยู่ในบริบทของนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรที่ได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์จากหลายต่อหลายคน และในหลวงได้กล่าวปราศัยในวันเกิดเมื่อปี 2548 ว่า “เราไม่ได้อยู่เหนือคำวิพากษ์วิจารณ์ต่อเมื่อมันเป็นไปอย่างรับผิดชอบ และยุติธรรม กษัตริย์ไม่ควรอยู่เหนือคำวิพากษ์วิจารณ์ใด ๆ”iv แต่ผมคิดว่านั่นไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจในปัญหาอย่างลึกซึ้ง หรือแม้แต่เข้าใจความเสียหายที่อาจเกิดกับสถาบันได้ โศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้นอย่างหนึ่งก็คือ 60 ปีที่ผ่านมานั้นมีหลายคนที่กระทำการในนามของในหลวง ไม่ว่าจะมีการสนับสนุนจากในหลวงหรือไม่ก็ตาม และที่แน่นอนตามข้อมูลจากเคเบิ้ลนั้นได้บอกว่ากฎหมายนี้นั้นถูกใช้ไปในทางที่ดูเหมือนจะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่แท้จริงแล้วนั้นมีแรงจูงใจอย่างอื่น

เลียม: แล้วตอนนี้ก็มีปัญหาเรื่องจำนวนของการฟ้องร้องโดยใช้กฎหมายนี้ด้วยใช่มั้ย?

แอนดรูว์: มันเป็นไปอย่างเหลือเชื่อจริง ๆ คุณคงพอจะนึกภาพออกในศตวรรษที่ 21 นี้ การใช้กฎหมายนี้น่าเลิกใช้ไปแล้ว นักวิชาการชาวอเมริกัน เดวิด สเตร็กฟัสนั้นได้กล่าวไว้ว่า “ไม่มีในประวัติศาสตร์ของประเทศใดที่ยังอยู่ใต้กฎหมายโบราณนี้ ยกเว้นในอัฟกานิสถานภายใต้อำนาจของตาลีบัน” เราได้เห็นจำนวนของการฟ้องร้องเพิ่มขึ้นอย่างมากจนน่าตกใจ มีผู้ถูกจำคุกเป็นเวลา 13- 15 ปีเนื่องจากได้พูดในสิ่งที่พวกเขาเชื่อ ชาวออสเตรเลีย แน่นอนว่าคนออสเตรเลียรู้ถึงเรื่องนี้ แฮร์รี่

นิโคไล ที่ถูกจำคุกอยู่หลายเดือนหลังจากที่เค้าแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับฟ้าชายในหนังสือที่จัดพิมพ์เองแล้วก็ขายได้แค่ 7 เล่ม ทำให้เห็นว่าเหตุการณ์ในตอนนี้เป็นที่น่ากังวลมากทีเดียว คนไทยกำลังเจอกับวิกฤตการณ์ แต่แทนที่จะมีการพูดคุย และพยายามที่จะวิวัฒน์อย่างสงบแล้วกลับมีการปิดกั้น และระงับดีเบต และที่น่ากังวัลมากก็คือมันหมายความว่าจะผ่านวิกฤตนี้ไปได้ด้วยการใช้ความรุนแรง แทนที่จะพูดคุย และวิวัฒน์กันอย่างสงบ

เลียม: เรากำลังเข้าสู่การเลือกตั้งที่จะมาถึงในปลายอาทิตย์นี้ และเราได้พูดคุยถึงเรื่องใหญ่ซึ่งก็คือเรื่องการสืบทอดราชบัลลังก์ ทั้งสองเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์การเมืองที่ไม่แน่นอน และการสืบทอดราชบัลลังก์ ไม่ทราบว่าคุณเห็นอนาคตอันใกล้ของประเทศไทยอย่างไร?

แอนดรูว์: อนาคตนั้นน่าเป็นห่วงมากทีเดียว และผมพูดจากใจจริงเพราะว่าผมรักประเทศไทย แต่มันยากมากที่จะเห็นภาพเหตุการณ์ของการสืบทอดราชบัลลังก์ที่เป็นไปได้ด้วยดี แล้วมันก็ยิ่งยากที่จะเห็นเหตุการณ์ที่ดีจากการเลือกตั้งด้วยเพราะว่าผู้ที่น่าจะเป็นผู้ชนะนั้นคือพรรคเพื่อไทยนำโดยยิ่งลักษณ์น้องสาวของทักษิณ และทุกคนรู้ดีว่าทักษิณนั้นหนุนหลังอยู่ หากเขาชนะมันก็จะเป็นประชาธิปไตย และเป็นสิ่งที่คนไทยต้องการ แต่ข้อมูลจากเคเบิ้ลที่ผมได้อ่านนั้น สถาบันฯกลัวทักษิณมาก จะไม่ยอมให้เขากลับมา และจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้พรรคนี้ได้เป็นผู้นำทางการเมือง นั่นอาจมาจากการแทรกแซงต่าง ๆ หรือแม้แต่การปฏิวัติ และจะมีความรุนแรงตามมา อีกด้านหนึ่งคือพรรคประชาธิปปัตย์ที่ดูจะก้าวหน้ากว่าทักษิณ แต่จากปีที่ผ่าน ๆ มาพรรคนี้ยิ่งจงรักภักดีมากขึ้นจนน่าตกใจ ถ้าหากประชาธิปปัตย์มีโอกาสได้ตั้งรัฐบาล เป็นไปได้สูงที่จะต้องเป็นเข้าร่วมกับพรรคเล็ก ๆ โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยที่ทำการปล้นvประเทศไทยในหลายปีที่ผ่านมาในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล นี่เป็นพรรคที่มีทำการทุจริตมาก แต่สถาบันนั้นจะต้องใช้พรรคนี้เพื่อที่จะได้มีรัฐบาลผสม และสามารถกีดกันทักษิณให้ออกไปได้ พรรคนี้จะได้คุมกระทรวงสำคัญต่าง ๆ และถึงแม้ว่าในประเทศที่การคอรัปชั่นนั้นเป็นเรื่องค่อนข้างปกติ และเป็นที่ยอมรับในบางระดับ การกระทำทุจริตของพรรคนี้ก็เป็นที่น่าตกใจมาก ดังนั้นเป็นที่น่าเสียดายจริง ๆ สำหรับชาวไทยไม่ว่าผลจะออกมาเป็นแบบไหนหลังการเลือกตั้ง มันยากที่จะเห็นสิ่งที่มีคุณประโยชน์ต่อประเทศไทย และยากที่รัฐบาลนั้นจะรวมเป็นหนึ่งเดียว หรือแม้แต่เป็นรัฐบาลตามคำนองคลองธรรม (legitimate) และคนในสังคมนั้นมองเห็นความไม่มั่นคงนี้ แล้วไหนจะเรื่องของการสืบทอดราชบัลลังก์อีก มันเป็นช่วงเวลาที่น่ากังวลมากสำหรับประเทศไทย

เลียม: สุดท้ายนี้ แอนดรูว์ มาร์แชล คุณได้ลาออกจากรอยเตอร์ และได้ย้ายจากประเทศไทย ประเทศที่คุณรัก และเป็นไปได้ที่คุณอาจจะกลับเข้าไปไม่ได้อีกในเร็ววันนี้หลังจากที่เผยแพร่งานเขียนของคุณ มันคุ้มกันมั้ยครับ?

แอนดรูว์: สำหรับผมผมคิดว่าคุ้ม และคุ้มสำหรับประเทศไทยเอง ผมแค่รู้สึกว่าผมได้มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลลับจากเคเบิ้ลเหล่านี้ และยังเชื่อจริง ๆ ครับว่าการปกปิดความจริงเหล่านี้นั้นไม่ใช่ทางออกของประเทศไทย ปัญหาที่คนไทยควรรับรุ้ และควรดีเบตกัน ถ้าผมเห็นข้อมูลพวกนี้แล้วได้มีโอกาสเผยแพร่มัน แต่ผมกลับไม่สนใจ และหันหลังให้กับมันผมไม่คิดว่าผมจะมองตัวเองในกระจกแล้วยอมรับได้ในฐานะที่เป็นนักข่าว หรือแม้แต่มนุษย์คนหนึ่ง จริงอยู่มันมีผลกระทบต่อผม แต่ผมก็ยังดีใจที่ได้ทำ และคิดว่าหากผมไม่ได้ทำสิ่งนี้ผมคงจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย

เลียม: ผมเห็นข่าวล้อเลียนออนไลน์ที่ตอบรับกับงานเขียนของคุณว่าน่าสนใจมาก แล้วการตอบรับจากเพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่คนไทยต่องานเขียนของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?

แอนดรูว์: ได้รับการตอบรับดีมาก มีเว็บไซต์อันหนึ่งชื่อ น็อต เดอะ เนชั่น (Not the Nation) ที่ผมแนะนำให้ทุกคนเข้าไปดู มันเหมือนกันกับเว็บไซต์โอเนี่ยน (Onion) แต่ว่าเน้นที่ประเทศไทย และเป็นเว็บล้อเลียนข่าวที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ เว็บไซต์นี้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยมากกว่าสื่อที่เป็นทางการเสียอีก ผมประทับใจต่อการตอบรับครั้งนี้มากโดยเฉพาะกับคนไทยในโซเชียล มีเดีย (Social Media) ทำให้เห็นว่าโลกมันเปลี่ยนไปมากจริง ๆ หากว่าเมื่อ 5 ปีก่อนผมจะออกจากองค์กรอย่างรอยเตอร์ แล้วเผยแพร่บทความออนไลน์ คนจะว่าผมบ้าไปแล้วเพราะคงจะไม่มีใครมาอ่านงานเขียนของผมแน่ แต่วันนี้เราทำอย่างนั้นได้แล้วก็ได้รับการตอบรับที่ดีมาก ผมได้รับข้อความอย่างเป็นพันจากคนไทยที่สนับสนุนการกระทำของผม ในขณะเดียวก็มีข้อความต่อต้านตามที่ผมคาดการณ์เอาไว้ แต่ผมได้รับมันน้อยกว่าข้อความที่ให้การสนับสนุนเป็นอย่างมาก และมันก็เป็นที่ประทับใจจริง ๆ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมทำสิ่งที่ดีให้กับหลายคนในประเทศไทย และหวังว่าจะช่วยพวกเขาได้ครับ

เลียม: แอนดรูว์ มาร์แชล ขอบคุณมากที่มาร่วมรายการในวันนี้ครับ

 

i A Thai Story: A Secret History of 21st Century Siam

ii ผู้พูดใช้คำว่า nuance

iii ขออภัยค่ะชื่อของทูตชาวอเมริกันอาจจะไม่ถูกต้อง

iv แปลตามคำพูดของแอนดรูว์ มาแชล พระราชดำรัสของในหลวงในวันเฉลิมพระชนมพรรษาดูได้ที่ http://www.youtube.com/watch?v=1qr2Zl77zzc

vv ผู้พูดใช้คำว่า robbing

 

 

 

9 thoughts on “Radio Australia interview: Thai translation”

  1. :Dเนื้อหาที่นำมาลงมีประโยชน์ดีนะครับ ผมชอบข้อมูลที่นำมาลงนะครับ ยังไงจะขอ bookmark เก็บเอาไว้ดูอีกนะครับ

Comments are closed.